การเสียชีวิต ของ บัณฑิตย์ เดชกุญชร

เมื่อ ต้าร์ ดร.คิดส์ หรือ ต้าร์ บัณฑิตย์ เดชกุญชร หนึ่งในสมาชิกของวง ดร.คิดส์ บอยแบนด์ยุคต้นๆ ของเมืองไทย ที่มีชื่อเสียงมาก และมีเพลงที่เป็นมนต์ขลังของ ดร.คิดส์ ดังทะลุเป็นพลุแตกกับเพลง "ข่าวร้าย"

แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อสุดท้าย ดร.คิดส์ ต้องเจอ "ข่าวร้าย" จริงๆ เมื่อ ต้าร์ ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2546 หลังจากที่ประกาศยุบวงได้ 5 ปี ขณะที่เขาอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น สร้างความโศกเศร้าให้กับครอบครัวและแฟนคลับเป็นอย่างมาก ต้าร์เสียชีวิตในสภาพผูกคอตายด้วยเชือกไนลอนกับขื่อบ้าน โดยไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงแพรสีเขียว

ก่อนหน้าเขาได้เคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง โดยมีกระแสข่าวว่า เกิดจากความเครียดเรื่องปัญหาชีวิตส่วนตัว และมีอาการซึมเศร้า ซึ่งหลังจากการเสียชีวิตของต้าร์ ทางญาติๆ ก็ไม่ได้ติดใจปมการตายแต่อย่างใด

ต้าร์ เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ "มายา แชนแนล" ฉบับต้นสัปดาห์ วันพุธที่ 25-31 ธ.ค. 2545 โดยยอมรับว่า สาเหตุที่ติดยาเพราะต้องการผอม ตามกระแสความนิยมจากเมืองนอก ซึ่งเพื่อนเคยแนะนำให้ทดลองทั้งยาบ้า ยาอี แต่ยังไม่ถึงขั้นฉีดเข้าเส้นจนทำให้เส้นประสาทส่วนหนึ่งตาย

"เลิกไปได้ 4 ปีแล้ว แต่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ปัจจุบันยังต้องกินยารักษาตัวอยู่ ทำให้ต้องจ่ายเงินค่ายาแต่ละเดือนจำนวนมาก ทุกวันนี้ผมต้องใส่แว่นตาดำอำพราง เพราะกลัวสายตาคนมอง และไม่กล้าสู้หน้าคน ผมจึงไม่เคยถอดแว่นเลย"

เขาเล่าอีกว่า ถ้าหมดฤทธิ์ยาที่เคยกิน จะทำให้เกิดอาการเครียด ประสาทจะหลอน ไม่สามารถควบคุมสติได้ แต่ก็ไม่เคยไปทำร้ายคนอื่น เคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง เช่น ไปกระโดดแม่น้ำที่สะพานพระราม 7 ถึง 2 ครั้ง, กินยาแก้แพ้ 1 ตลับ ประมาณ 100 กว่าเม็ด, กินยาสระผม และล่าสุดนิ้วจิ้มที่ปลั๊กไฟก่อนที่จะใช้น้ำราด

อดีตนักร้องดังบอกด้วยว่า ชีวิตในอดีตถือว่าพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะ บ้าน, รถ, คอนโดฯ, ห้องอัดเสียง แต่วันนี้ไม่เหลืออะไรเลย เขาต้องขายทุกอย่างเพื่อเอาเงินมารักษาตัวเอง ทุกวันนี้อยู่กับแม่ ซึ่งพักอาศัยกับญาติแถวพระราม 7 ไม่มีแม้กระทั่งไฟฟ้าใช้ ต้องใช้เทียนจุด ชาวบ้านแถวนั้นมักจะมีน้ำใจนำข้าวสารอาหารแห้งมาให้ ตกเวลากลางคืนข้างบ้านจะให้เสียบปลั๊กพัดลมใช้คลายร้อน

เขาเปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันต้องทำทุกวิถีทางที่จะได้เงินมาเป็นค่ายาเพื่อรักษาตัว ที่ผ่านมาเคยแต่งเพลงให้กับทางค่ายแกรมมี่ และอาร์เอส ทำงานด้านเบื้องหลังเป็นคอรัส, คิดเมโลดี้ ไม่ได้รับเป็นเงินเดือนแต่จะได้เป็นเปอร์เซ็นต์ตอบแทน

"ผมทำงานแม้กระทั่งเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพระราม 6 ซึ่งตอนนี้ขายรถไปแล้วเพราะไม่มีเงินใช้ บางครั้งต้องนำตุ๊กตาที่เคยสะสมออกมาขายแถวสะพานพุทธ แถวคลองหลอด ได้เงินเพียง 100-200 บาท เพื่อนำเงินมารักษาตัว อาทิตย์หนึ่งผมต้องใช้เงิน 5-6 พันบาท ใช้เป็นค่ายาบำรุงประสาท ผมต้องกินอยู่ตลอด เพราะอาจเกิดการช็อกได้"

ต้าร์ ถือเป็นนักร้องวัยรุ่นไทยจำนวนไม่กี่คนที่สามารถแต่งเพลง ทำดนตรีเอง และทำงานเบื้องหลังได้ ทำให้หลายคนต่างเสียดายความสามารถของเขามาก[2]